ประวัติห้องสมุด


                การศึกษาหาความรู้ของคนนครไทยในสมัยก่อนนั้นยังล้าสมัยมาก    โดยทั่วไปจะศึกษาหาความรู้จาก  ผู้รู้ในชุมชน  ภูมิปัญญาด้านต่าง ๆ  พระ  หมอดู  หมอผี  ครู  และบุคคลในชุมชนที่นับถือ  ซึ่งจะมีอยู่ในชุมชนแตะละชุมชน
สถานที่ที่ใช้ในการศึกษาหาความรู้ก็จะใช้สถานที่ที่มีอยู่ในชุมชนนั้น ๆ  เช่น  วัด  โรงเรียน  หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่เห็น
ว่าเหมาะสม ชุมชนใดไม่มีสถานที่ดังกล่าวก็จะต้องเดินทางไปศึกษาหาความรู้จากชุมชนอื่นซึ่งอยู่ห่างไกล ไม่สะดวก
ในการเดินทางเพราะการคมนาคมในสมัยก่อนยังทุรกันดารมาก      เมื่อปีพุทธศักราช  2524    ทางคณะผู้นำชุมชนทุก
หมู่บ้านในอำเภอนครไทย  ได้มีความคิดที่จะสร้างห้องสมุดของอำเภอขึ้น    จึงได้เสนอแนะในที่ประชุมประจำเดือน
 ซึ่งจะต้องมีการประชุมผู้นำชุมชนประจำทุกเดือน ณ ที่ทำการอำเภอนครไทย เพื่อพูดถึงปัญหาและกิจกรรมของชุมชนแต่ละชุมชน  ซึ่งการประชุมในครั้งนั้นคณะผู้นำชุมชนได้เสนอในที่ประชุมว่า     ภายในอำเภอนครไทยควรจะมีแหล่งเรียนรู้หรือห้องสมุด  เป็นศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าข่าวสาร  ข้อมูล  ที่ทุกคนสามารถจะมาใช้บริการศึกษาหาความรู้
ได้  และมติในที่ประชุมให้ความเห็นชอบว่าสมควรที่จะมีห้องสมุดประชาชน  ไว้บริการประชาชนจึงจึงได้หาสถานที่
ที่เหมาะสมในการก่อสร้างห้องสมุดประชาชนที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน และสะดวกสบายต่อการสัญจรไปมา สำหรับ
ผู้ที่สนใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้  ซึ่งได้เล็งเห็นว่าสถานที่ของโรงเรียนนครไทยวิทยาคมซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอนครไทย  มีความเหมาะสมที่สุดจึงได้ดำเนินเรื่องขออนุญาตใช้สถานที่ของโรงเรียนนครไทยวิทยาคม  บริเวณเส้นทาง

ติดถนนเป็นเนื้อที่จำนวน  1  ไร่ เศษ  ในการสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอนครไทยไว้เป็นสถานที่ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล  ข่าวสาร  สารสนเทศที่ทันสมัยทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน  โดยได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช  2525  เป็นอาคารชั้นเดียว กว้าง 16 เมตร  ยาว  21  เมตร และให้บริการทางด้านข่าวสาร  ข้อมูล  ต่อประชาชนอำเภอนครไทย  และอำเภอใกล้เคียงจนถึงปัจจุบันนี้ 

ปรัชญาห้องสมุดประชาชนอำเภอนครไทย
"  เป็นศูนย์กลางส่งเสริม  ศึกษา  ค้นคว้า  และการเรียนรู้ด้วยตนเอง  "


วิสัยทัศน์ 
          "   ให้บริการ  สารสนเทศ  และองค์ความรู้ทุกรูปแบบ  เพื่อสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้  "

เป้าประสงค์
1.        พัฒนาคุณภาพของประชาชน  ให้มีความรอบรู้ทันต่อเหตุการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
2.       สร้างความสนับสนุนสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ชุมชน
3.       นำนวตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ  มาพัฒนาทรัพยากรในชุมชน  ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น